วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ต


ประโยชน์และโทษของอินเตอร์เน็ต

1. ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต (ให้ตอบมาอย่างน้อย 5 ข้อ)
  ตอบ  1. เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆที่เราสนใจ เป็นต้น
           2. ทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ หรือคลังหนังสือมหาศาล
           3. นักเรียน และนักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับโรงเรียน และมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความ เสียง และภาพเคลื่อนไหวต่างๆ
           4. บริษัทหรือองค์กรต่างๆสามารถให้บริการและสนับสนุนลูกค้าผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ ตอบปัญหาต่างๆให้แก่ลูกค้า เป็นต้น
           5. สามารถดึงดาวน์โหลด (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่และเก่ามาดูได้

2. ให้นักเรียนหาประเด็นเกี่ยวโทษของอินเตอร์เน็ตต่อไปนี้
   2.1  โรคติดอินเตอร์เน็ต
           ตอบ 1. รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาไม่ได้ใช้งาน
                   2. มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้น
                   3. ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
                  4. รู้สึกหงุดหงิดเมื่อต้องใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลงหรือหยุดใช้
                  5. ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือคิดว่าการใช้อินเทอร์เน็ตทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
                  6. หลอกคนในครอบครัวหรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตัวเอง
   2.2   เรื่องอณาจารผิดศีลธรรม
           ตอบ เรื่องของข้อมูลต่างๆที่มีเนื้อหาไปในทางขัดต่อศีลธรรม ลามกอนาจาร หรือรวมถึงภาพโป๊เปลือยต่างๆนั้นเป็น เรื่องที่มีมานานพอสมควรแล้วบนโลกอินเทอเน็ต แต่ไม่โจ่งแจ้งเนื่องจากสมัยก่อนเป็นยุคที่ WWW ยังไม่พัฒนา มากนักทำให้ไม่มีภาพออกมา แต่ในปัจจุบันภายเหล่านี้เป็นที่โจ่งแจ้งบนอินเทอเน็ตและสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าสู่เด็ก และเยาวชนได้ง่ายโดยผู้ปกครองไม่สามารถที่จะให้ความดูแลได้เต็มที่ เพราะว่าอินเทอเน็ตนั้นเป็นโลกที่ไร้พรมแดนและเปิดกว้างทำให้สื่อเหล่านี้สามรถเผยแพร่ไปได้รวดเร็วจนเรา ไม่สามารถจับกุมหรือเอาผิดผู้ที่ทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้
   2.3   ไวรัส ม้าโทรจัน หนอนอินเตอร์เน็ต และระเบิดเวลา
           ตอบ ไวรัส : เป็นโปรแกรมอิสระ ซึ่งจะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำลายข้อมูลหรืออาจทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงโดยการแอบใช้สอยหน่วยความจำหรือ พื้นที่ว่างบนดิสก์โดยพลการ
                     หนอนอินเทอร์เน็ต : ถูกสร้างขึ้นโดย Robert Morris, Jr. จนดังกระฉ่อนไปทั่วโลก มันคือโปรแกรมที่จะสืบพันธุ์โดยการจำลองตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆจากระบบหนึ่ง ครอบครองทรัพยากรและทำให้ระบบช้าลง
               ระเบิดเวลา : คือรหัสซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นรูปแบบเฉพาะของการโจมตีนั้นๆ ทำงานเมื่อสภาพการโจมตีนั้นๆ มาถึง ยกตัวอย่างเช่น ระเบิดเวลาจะทำลายไฟล์ทั้งหมดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2542
                ม้าโทรจัน : ม้าโทรจันเป็นตำนานนักรบที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ แล้วแอบเข้าไปในเมืองจนกระทั่งยึดเมืองได้สำเร็จ โปรแกรมนี้ก็ทำงานคล้ายๆ กัน คือโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ไม่พึงประสงค์ มันจะซ่อนตัวอยู่ในโปรแกรม ที่ไม่ได้รับอนุญาต มันมักจะทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการ และสิ่งที่มันทำนั้นไม่มีความจำเป็นต่อเราด้วย เช่น การแอบส่งรหัสผ่านต่างๆ ภายในเครื่องของเราไปให้ผู้เขียนโปรแกรม
   2.4  และโทษของอินเตอร์อื่นๆ มาอย่างน้อยอีก 5 ข้อ
          ตอบ 1.อาจถูกหลอกและเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้ใกล้ชิด
                   2.ถ้าเล่นอินเทอร์เน็ตมากเกินไปอาจเสียการเรียนได้
                   3.ข้อมูลบางอย่างไม่เหมาะสม
                   4.เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
                   5.โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic)

3. ให้นักเรียนคิดโจทย์ เกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตที่เรียนมาตั้งแต่ต้น มีตัวเลือก พร้อมเฉลย อย่างน้อย 10 ข้อ
 ตอบ 
1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่บ้านต้องเชื่อมผ่านอุปกรณ์ใด

       ก.  โมเด็ม    ข. เราท์เตอร์   ค. ทีซีพี      ง. โปโตคอล

2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีกี่รูปแบบ

      ก.  2 รูปแบบ     ข. 3 รูปแบบ       ค. 4  รูปแบบ      ง. 5 รูปแบบ

3. การกำหนดรหัสผ่าน  Password  ควรใช้กี่ตัวอักษร

      ก.  มากกว่า 3 ตัว         ข. มากกว่า 4 ตัว  ค. มากกว่า 5 ตัว  ง. มากกว่า 6 ตัว

4. ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์สำคัญในการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตพื้นฐาน

       ก.เครื่องคอมพิวเตอร์     ข.โมเด็ม       ค. โทรศัพท์      ง.เราท์เตอร์

5. อินเทอร์เน็ต  หมายถึง

       ก. การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย             ข. การเชื่อมต่อกันระหว่างบุคคลกับบุคคล

      ค.การเชื่อมต่อกันระหว่างบุคคลกับองค์กร     ง. การเชื่อมต่อกันระหว่างองค์กรกับองค์กร

6.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ คือข้อใด

       ก. Chat       ข. E -mail          ค. Net                 ง.  Web

7. บริการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นซึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป สามารถใช้บริการใด

       ก. Download      ข. FTP         ค. Telnet            ง. BBS

8. การบริการในลักษณะของกระดานข่าวหรือบูเลตินบอร์ด คือข้อใด

       ก. UseNet           ข. Download     ค. IRC            ง.Chat

9. ข้อใดไม่ใช่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

      ก. เครื่องคอมพิวเตอร์  ข. โมเด็ม   ค. โทรศัพท์    ง. โทรทัศน์

10.การเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบุคคลสามารถเข้าถึงได้โดยใช้ผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์โดยใช้อุปกรณ์ต่อพ่วงคือ

     ก.  ทีซีพี           ข.โมเด็ม    ค.. เราท์เตอร์      ง. โปโตคอล

เฉลย
         1.ค      2. ก     3. ง     4. ง     5. ก    6. ข     7. ค     8. ก     9. ง     10.

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เรื่องอินเทอร์เน็ต(บริการค้นหาข้อมูล)


แบบฝึกหัดที่4

เรื่องอินเทอร์เน็ต(บริการค้นหาข้อมูล)...

1.ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างความแตกต่างระหว่างการสืบค้นแบบ  Web directory , Meta  search ,  Search  engine. 

ตอบ   -Web Directory (เว็บไดเรคทอรี่) หรือ Directories บางทีเรียกว่า Link Directory คือ ระบบที่เก็บรวบรวมเว็บไซต์ไว้เป็นหมวดหมู่ ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มออกเป็นหมวดหมู่ย่อย ๆ ได้ด้วย เว็บที่ถูกบันทึกในแต่ละกลุ่ม จะต้องมีหัวเรื่องหรือเนื้อหาที่สัมพันธ์กัน เว็บไดเรคทอรี่บางแห่งทำหน้าที่เป็น Search Engine ในตัวเองด้วย บางแห่งมีฟังก์ชั่นให้โหวตหาคะแนนนิยมของเว็บเพื่อจัดอันดับ
ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Web Directory มีดังนี้
     - http://www.dmoz.org/
     - http://www.directory-index.net/

        - meta search Search Engines ประเภทนี้ อาจจัดได้ว่าไม่ใช่ Search Engines ที่แท้จริง  เนื่องจากไม่ได้ทำการสืบค้นข้อมูลเอง แต่จะส่งต่อคำถามจากผู้ใช้ (query) ไปให้ Search Engines ตัวอื่น ผลการค้นที่ได้จึงแสดงที่มา (ชื่อของ Search Engines) ที่เป็นเจ้าของข้อมูลไว้ต่อท้ายรายการที่ค้นได้แต่ละรายการ
 ตัวอย่างเช่น       Dogpile (http://www.dogpile.com)
                    Metacrawler (http://www.metacrawler.com)
                    ProFusion (http://www.profusion.com)

        -Search Engine ประเภทนี้ ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด  เพียงแค่ระบุคำที่ต้องการค้นหาข้อมูล  เป็นรูปแบบที่นิยมมาก  เว็บไซต์ที่นิยมใช้ในการค้นหาข้อมูลในแบบนี้  เช่น  www.google.co.th

                                            

 2.จงอธิบายความแตกต่างระหว่างการใช้คำสั่ง ดีใจจังค้นแล้วเจอแล้ว กับ การค้นหาแบบธรรมดา ใน Google.

 ตอบการใช้คำสั่ง "ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลยจะช่วยให้ใช้เวลาในการค้นหาหน้าเว็บน้อยลงเพราะเมื่อใช้คำ สั่ง Google จะเข้าหน้าเว็บแรกที่เป็นผลลัพธ์ของข้อความค้นหาของคุณ ทันที ส่วนการใช้คำสั่งค้นหาแบบธรรมดานั้น Google จะแสดงผลลัพธ์เป็นหน้าเว็บให้คุณเลือกเข้าเอง

3.ในการค้นหาขั้นสูง จะมีคำสั่ง AND กับ OR  เพื่อใช้เสริมในการค้นหา  จงอธิบายความแตกต่างพร้อมยกตัวอย่างการใช้งานพร้อมผลลัพธ์ทั้งสอง (แต่ละคนห้ามซ้ำกัน)

ตอบ  AND เป็นการให้คำที่เราต้องการค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ ทั้งสองคำ ที่อยู่ระหว่าง “AND”
เช่น ค้นหาคำว่า vacation AND hawail ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องมีคำว่า vacation และ hawail ทั้งสองคำนี้ปรากฏอยู่ เป็นค้น
       OR เป็นการให้คำที่เราต้องค้นหา ปรากฏในผลลัพธ์ คำใดคำหนึ่ง ที่อยู่ระหว่าง “OR” .ใช้คำใดคำหนึ่ง
   เช่น computer or network ผลลัพธ์ต้องมีคำว่า computer หริอ network คำใดคำหนึ่งหรือทั้งสองคำก็ได้

4.Google Scholar มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร
ตอบ มีไว้ค้นหา บทความ หรือ งานวิจัย โดยเฉพาะ

5.Google Guru  มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างไร

 ตอบ มีไว้ใช้ในการตั้งคำถามเพื่อให้คนที่มีความรู้มาตอบ และเพื่อเอาคำตอบไปใช้อย่างรวดเร็ว

6.iGoogle คืออะไรมีไว้เพื่อจุดประสงค์ใด

 ตอบ I Google เป็นฟังค์ชันที่ Google ทำออกมาเพื่อเอาใจผู้ใช้ I Google เราสามารถปรับแต่งหน้าต่าง I Google ของเรายังไงก็ได้ สามารถดูสภาพอากาศของจังหวัดต่างๆได้ สามารถจดบันทึกข้อความก็ได้ ดูข่าวสาร สาระน่ารู้ ก็ได้อีกเหมือนกัน สามารถ chat พูดคุยกับเพื่อนก็ได้ อีกทั้งสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบที่เราต้องการไม่ให้ซ้ำใครอีกด้วย

7.จงบอกสิทธิประโยชน์ของการสมัครเป็นสมาชิกของ Google  ว่ามีความแตกต่างกับผู้ไม่สมัครอย่างไร (ให้นักเรียนบอกที่มาด้วย)

 ตอบ เมื่อสมัครเป็นสมาชิก Google จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
สถิติเกี่ยวกับ Visitor รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามาชมเว็บไซต์
สถิติเกี่ยวกับ Traffic รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางในการเข้าถึงเว็บไซต์
สถิติเกี่ยวกับ Content รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการเข้าชมเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์
สถิติเกี่ยวกับ Goal วิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานเข้าถึงเป้าหมายภายในเว็บไซต์ได้อย่างไร
ที่มา: http://apinya-namvises.blogspot.com/

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เทคนิคการสืบค้นข้อมูล


ใบงาน เรื่อง เทคนิคการสืบค้นข้อมูล


 1.ให้นักเรียนเขียนวิธีการการสืบค้นโดยเว็บไซต์กูเกิ้ล มีเงื่อนไขการสืบค้นให้มีคำสำคัญ 3 คำ
ตอบ โครงงานภาษาอังกฤษ. doc
 
2.ในกรณีที่นักเรียนต้องการสืบค้นข้อมุลโดยเว็บไวต์กูเกิ้ล และต้องการสืบค้นเฉพาะข้อมมูลประภทเอกสารหรือไฟล์ เอกสารเวิร์ด(word)นักเรียนต้องพิมพ์เงื่อนไนการสืบค้นอย่างไร(ใช้คำสืบค้นตามหัวข้อเรื่องที่นักเรียนทำโครงงาน)
ตอบ โครงงานภาษาอังกฤษ.doc

3.ในกรณีที่นักเรียนต้องการสืบค้นข้อมุลโดยเว็บไวต์กูเกิ้ล และต้องการสืบค้นเฉพาะข้อมมูลประภทงานนำเสนอหรือไฟล์ พาวเวอร์พอย(Powerpoint)นักเรียนต้องพิมพ์เงื่อนไนการสืบค้นอย่างไร
ตอบ โครงงานภาษาอังกฤษ. ppt

4.ในกรณีที่นักเรียนต้องการสืบค้นข้อมุลโดยเว็บไวต์กูเกิ้ล และต้องการสืบค้นเฉพาะข้อมมูลเอกสารประเภท พิดิเอฟ(.pdf)นักเรียนต้องพิมพ์เงื่อนไนการสืบค้นอย่างไร
ตอบ  โครงงานภาษาอังกฤษ.pdf

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

ส่วนประกอบของ google chrome


ส่วนประกอบของ google chrome 




1. Title bar (แถบชื่อ) แสดงชื่อเว็บที่เรากำลังใช้อยู่
2. Menu Bar (แถบเมนู) ทำหน้าที่แสดงเมนูคำสั่งต่างๆ ซึ่งแบ่งกลุ่มของคำสั่ง โดยประกอบไปด้วย เมนูFile, เมนูEdit, เมนูViewและเมนูFavorites
3. Address Bar (แถบที่อยู่) ทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ต่างๆ
4.แถบบุ๊กมาร์ก หน้าเว็บโปรดของคุณจะแสดงอยู่ที่ด้านบนของหน้าแท็บใหม่เป็นค่าเริ่มต้น
5. Apps ไอคอนสำหรับแอปที่คุณได้ติดตั้งจาก Chrome เว็บสโตร์สามารถเข้าถึงได้โดยการคลิกบุ๊กมาร์ก Apps ในแถบบุ๊กมาร์ก เมื่อคุณอยู่ในหน้า Chrome Apps เพียงคลิกที่ไอคอนเพื่อเปิดแอป
6. ช่องค้นหา เริ่มพิมพ์คำค้นหาของคุณลงในช่องค้นหา และคุณจะเห็นคำค้นหาของคุณปรากฏขึ้นในแถบอเนกประสงค์ คุณยังสามารถป้อน URL เพื่อนำทางไปยังหน้าเว็บได้อีกด้วย

7. เข้าชมบ่อยสุด ภาพขนาดย่อของเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมเป็นประจำจะปรากฏอยู่ด้านล่างช่องค้นหา เพียงคลิกที่ภาพขนาดย่อที่ต้องการเพื่อไปที่ไซต์นั้น หากต้องการนำไซต์ที่เข้าชมบ่อยที่สุดออก ให้วางเมาส์เหนือภาพขนาดย่อ และคลิกไอคอน X ที่มุมขวาบนของภาพขนาดย่อนั้น





ส่วนประกอบ Facebook

 1. เป็นโลโก้  และมีช่องสำหรับค้นหาใช้ค้นหาได้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับ Facebook ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้เล่น  ชื่อเพจ  ใช้อีเมล์ในการค้ารวมถึงข้อมูลที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูล  ซึ่งมีข่าวว่ากำลังพัฒนาระบบให้ตอบสนองความต้องการในการค้นหาที่มากขึ้นด้วย
2.เป็นชือของเราและรูปโปรไฟลืขนาดเล็ก  หากเราคลิกก็จะมาอยู่ที่หน้าของเรา  และมีคำว่าหน้าแรก  ซึ่งหาดมีระบบข่าวหรือว่าฟีตมาใหม่ๆ
3. เป็นเมนูที่ใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเพจ  กาตั้งค่า  ออกจากระบบเป็นต้น
4. ต่อจากนั้นจะเป็นรูปคนหากมีคนกำลังขอให้เราเป็นเพื่อน  แสดงข้อความที่ส่งถึงเรา  และแสดงการแจ้งเตื่อนต่างๆที่เกี่ยวกับเรา
5. จะแสดงชื่อของเราแล้วการเข้าจัดการโปรโฟล์ต่างๆ  พร้อมรูปของเราที่ได้ตั้งค่าไว้
6. แสดงข่าวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรา  รวมถึงกิจกรรมที่เพื่อนได้เชิญชวนต่างๆ
7. แสดงหน้าเพจที่เราสามารถเข้าไปใช้งานได้  หรือว่าเข้าไปจัดการใช้งานได้
8. แสดงรายชื่อกลุ่มต่างๆที่เราได้เข้าร่วมอยู่  สามารถที่จะเข้าไปโพสต่างๆได้
9. รายชื่อแอฟต่างไที่เราได้ใช้งานอย่างเช่นเกม  หรือว่าอื่นๆ
10. ช่องสำหรับโพสข้อความต่าง  ทั้งการโพสรูปภาพและลิงค์อื่นๆ
11. แสดงหน้าข่าวหรือว่าฟีคต่างๆที่  เพื่อนหรือว่าทางเพจที่เราได้กดไลท์ไว้
12. แสดงโฆษณาที่ได้ใช้งานกับทาง Facebook ไว้  ต้องนี้หากคนที่จะจำหน่ายสินค้าแล้วโฆษณาจะแสดงตรงนี้นั้นเอง

นอกจากนั้นยังมีส่วนด้าวข้างที่จะแสดงรายชื่อเพื่อนของเราไว้เพื่อสนทนาต่างๆ  และจะแสดงสถาณะนั้นๆด้วย


วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2559

คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต


คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ต


    
    1.WebPage  หมายถึง  ข้อมูลที่เป็นอักษร เสียง และภาพต่างๆ ที่บรรจุในแฟ้มเอกสารแต่ละหน้าของเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) ที่เปิดอ่านจากโปรแกรม Browser
อ้างอิง :   http://www.thaigoodview.com/

       2.Web site หมายถึง สถานที่ที่ WebPage อาศัยอยู่ โดยเข้าถึงด้วยชื่อ Domain Name เช่น www.nu.ac.th (เว็บไซด์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร)
อ้างอิง :   http://www.thaigoodview.com/

      3.HomePage หมายถึง หน้าแรกที่แสดงข้อมูลของเว็บไซต์ หรือ WWW (World Wide Web) เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ หรือ เป็นการดึงดูด ให้เข้าไปชมข้อมูลภายใน ซึ่งภายในโฮมเพจอาจมีเอกสารข้อความอื่นๆที่เรียกว่า เว็บเพจ (web page) เชื่อมโยงต่อจากโฮมเพจนั้นได้อีกเป็นจำนวนมากคะ
อ้างอิง :   http://www.thaigoodview.com/

    4.Web Browser หมายถึง เครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถท่องเที่ยวไปในโลกอินเตอร์เน็ตได้อย่างไร้ขีดกั้นทางด้านพรมแดน นอกจากนี้ Browser ยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ
อ้างอิง :   http://www.thaigoodview.com/

    5.Domain Name หมายถึง  ชื่อที่ใช้ประกาศความเป็นตัวตนบนโลกอินเทอร์เน็ต ถ้าชื่อลงท้ายด้วย .com ต้องมีการจดทะเบียนที่ www.internic.com แต่ถ้าเป็นพวก .co.th การจดทะเบียนที่ www.ternic.co.th
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

     6. URL(Uniform Resouire Locator)  หมายถึง ที่อยู่ของข้อมูลบน WWW ซึ่งถ้าเราจะหาข้อมูล
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

     7.IP (Internet Protocol) หมายถึง โปรโตคอลที่ใช้สำหรับการสื่อสารแบบ TCP
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

     8.TCP/IP (Transport Control Protocol/Internet Protocol) หมายถึงเป็น Protocol ตามมาตรฐานอตุสาหกรรมในการติดต่อสื่อสาร ทำให้ระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    9.Protocolหมายถึง เป็นกฏระเบียบและข้อตกลงที่สถาบันต่างๆ กำหนดขึ้นมาเพื่อรองรับการสื่อสารระหว่างเครื่องและอุปกรณ์ต่างๆ ให้สามารถสื่อสารและเข้าใจพูดคุยกันได้ เช่นที่นิยมใช้คือ TCP/IP เป็นต้น
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    10.ISP (Internet Service Provider)   หมายถึง ผู้ให้บริการเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

     11.ASP (Application Service Provider) หมายถึง ผู้ให้บริการ Software หรือวิธีการใช้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมี Software ของผู้ใช้เอง
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    12.IDC (Internet Data Center) หมายถึง คือผู้ให้บริการรับฝากเครื่อง Server และตระเตรียมสาธารณูปโภคในการทำธุรกรรมให้พร้อมสรรพ
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    13.E-Commerce (Elertronic Commerce)หมายถึง การทำธุรกรรม อะไรก็ได้โดยใช้สื่ออินเทอร์เน็ต
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

   14.Hypertext หมายถึง คือเอกสารที่ทำการเชื่อมโยงต่อไปยังเอกสารอื่นๆ ทำให้สามารถอ่านได้หลายมิติ
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

     15.Download หมายถึง การย้ายข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่ไกลออกไปมาไว้ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ท้องถิ่น (Local) โดยทั่วไปหมายถึง การรับข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่อยู่ห่างไกลออกไป มาเครื่องอีกเครื่องหนึ่ง หรือเครื่องที่เรากำลังใช้งานอยู่ ซึ่งตรงข้ามกับ Upload
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    16.Upload หมายถึง การส่งข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    17.POP (Post Office Protocal) หมายถึง ระบบที่ทำให้สามารถรับและดาว์นโหลด จดหมายจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ไปยังคอมพิวเตอร์ของเราเอง
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    18.Internet Address หมายถึง ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต จะประกอบไปด้วยชื่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (User Name) และชื่อของอินเทอร์เน็ต (Internet Name)
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

    19.IP Address คือหมายถึง หมายเลขรหัสประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต โดยเลขนี้จะมีรหัสซ้ำกันไม่ได้ IP Address ประกอบไปด้วยตัวเลข 4 หลักที่คั่นด้วย เครื่องจุด (.) ตัวอย่างเช่น 203.155.35.2 เป็น IP Address ของเครื่อง internet.th.com
อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/

     20.Mailing List หมายถึง กลุ่มสนทนาที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยใช้โปรแกรม E-mail ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน การเข้าร่วม Mailing List โดยสมัครสมาชิกแล้วจดหมายทุกฉบับที่ถูกส่งไปยัง List ก็จะถูกส่งไปให้ทุกคน ที่อยู่ใน List ได้อ่านกัน


อ้างอิง http://www.chaiwbi.com/anet01/p04/t04l.html